หากคุณต้องการเคลมประกันภัยรถยนต์

สะดวกให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ กรอกข้อมูลแล้วส่งหาเราได้เลย!

    ข้อแนะนำเกี่ยวกับการเคลมประกันภัยรถยนต์

    ช่องทางการเคลมประกันภัยรถยนต์

    ช่องทางการเคลมประกันภัยรถยนต์

    1. ติดต่อศูนย์รับแจ้งอุบัติเหตุ 24 ชั่วโมง โทร. 0 2624 1111 กด 1
    2. แจ้งเคลมออนไลน์
    3. เคลมผ่านช่องทาง LINE แอดไลน์  @kpimotorclaim แสกน QR Code

      line motor claim (1)

    4. Counter Claim Service สำนักงานใหญ่ อาคารเคพีไอทาว์เวอร์ ในวันทำการ วันจันทร์-วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 8.30 - 16.30 น. หรือ สำนักงานสาขา เคพีไอ 18 สาขา ทั่วประเทศ
    5. บริการเคลมประกันภัย KPI FOR YOU สำหรับรถของลูกค้าที่มีความเสียหายไม่มากและเป็นการชนแบบไม่มีคู่กรณี ลูกค้าสามารถนำรถเข้าติดต่อกับอู่และศูนย์บริการคู่สัญญา i-Sure เพื่อให้อู่หรือศูนย์ตรวจสอบและออกใบเคลมเพื่อจัดซ่อมรถยนต์ได้ทันที
      • สำหรับกรณีเคลมแบบไม่มีคู่กรณี ความเสียหายต่อตัวรถไม่เกิน 5 รายการ รวมการเกิดเหตุไม่เกิน 4 เหตุการณ์
      • ใช้บริการเคลมประกันภัยได้เฉพาะ อู่และศูนย์บริการคู่สัญญา i-Sure เท่านั้น
      • เอกสารประกอบการแจ้งเคลม
        - สำเนาใบขับขี่
        - สำเนากรมธรรม์
        - สำเนาทะเบียนรถ

    ** บริษัทฯ จะให้ความคุ้มครอง เมื่อผู้เอาประกันภัยเปิดเผยลักษณะการเกิดเหตุอย่างแท้จริงเท่านั้น

    ข้อแนะนำการเรียกร้องสินไหม

    การแจ้งเคลม - อุบัติเหตุที่มีคู่กรณี

    1. ติดต่อศูนย์รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์ 24 ชั่วโมง โทร. 0 2624 1111 กด 1
      เพื่อให้เจ้าหน้าที่สำรวจภัยออกตรวจสอบที่เกิดเหตุและให้บริการเคลมประกันภัยแก่ท่าน
    2. หากท่านแน่ใจว่าท่านเป็นฝ่ายได้เปรียบเส้นทางแล้ว อย่ารีบเคลื่อนย้ายรถออกจากที่เกิดเหตุ จนกว่าจะแน่ใจว่าอีกฝ่ายหนึ่งยอมรับผิด หรือมีพนักงานจราจรมาทำแผนที่เกิดเหตุแล้ว หรือกรณีที่ไม่แน่ใจว่าฝ่ายใดได้เปรียบเส้นทาง ไม่ควรเคลื่อนย้ายรถหรือแยกย้ายรถออกจากจุดเกิดเหตุ
    3. ไม่ควรออกความเห็นหรือตอบข้อซักถามใดๆ หากไม่มั่นใจ เพราะการตอบอาจส่งผลต่อรูปคดีของท่าน โปรดรอจนกว่าเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯจะเดินทางไปถึง เพื่อรอรับคำแนะนำหรือรับบริการจากเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ
    4. จดจำรายละเอียดต่างๆ หรือถ่ายภาพ การเกิดเหตุหรือของรถคู่กรณีไว้ เช่น หมายเลขทะเบียนรถ ยี่ห้อ สี เป็นต้น เพื่อป้องกันการหลบหนี ไม่ควรรับข้อเสนอหรือประนีประนอมยอมความใดๆ กับฝ่ายคู่กรณี โปรดรอรับคำแนะนำหรือรอรับบริการจากเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ
    5. หากมีคนเจ็บ ให้นำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลที่ใกล้เคียงโดยเร็ว

    การแจ้งเคลม - อุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี และรถเสียหายไม่มาก

    1. บริการเคลมประกันภัย KPI FOR YOU สำหรับรถของลูกค้าที่มีความเสียหายไม่มากและเป็นการชนแบบไม่มีคู่กรณี ลูกค้าสามารถนำรถเข้าติดต่อกับอู่และศูนย์บริการคู่สัญญา i-Sure เพื่อให้อู่หรือศูนย์ตรวจสอบและออกใบเคลมเพื่อจัดซ่อมรถยนต์ได้ทันที
      • สำหรับกรณีเคลมแบบไม่มีคู่กรณี ความเสียหายต่อตัวรถไม่เกิน 5 รายการ รวมการเกิดเหตุไม่เกิน 4 เหตุการณ์
      • ใช้บริการเคลมประกันภัยได้เฉพาะ อู่และศูนย์บริการคู่สัญญา i-Sure เท่านั้น
      • เอกสารประกอบการแจ้งเคลม 
           - สำเนาใบขับขี่
           - สำเนากรมธรรม์
           - สำเนาทะเบียนรถ
        **บริษัทฯ จะให้ความคุ้มครอง เมื่อผู้เอาประกันภัยเปิดเผยลักษณะการเกิดเหตุอย่างแท้จริงเท่านั้น
    2. แจ้งความประสงค์ขอเคลมประกันภัย ได้ที่ ศูนย์รับแจ้งเหตุ 24 ชั่วโมง โทร. 0 2624 1111 กด 1 โดยแจ้งให้บริษัทจัดส่งเจ้าหน้าที่สำรวจภัยไปพบและให้บริการเคลมประกันภัย ตามสถานที่นัดหมายที่ท่านสะดวก เพื่อให้เจ้าหน้าที่ออกใบเคลมเพื่อให้ท่านนำรถเข้าซ่อม
    3. ลูกค้าต่างจังหวัด สามารถติดต่อขอเคลมประกันภัยรถยนต์ได้ที่ สำนักงานสาขา เคพีไอ ทั่วประเทศ

    คำแนะนำหากท่านต้องการนำรถไปจัดซ่อมกับอู่ที่ไม่ได้รับงานซ่อมของบริษัทฯ

    กรณีที่ลูกค้านำรถไปจัดซ่อมที่อู่หรือศูนย์บริการที่ไม่ใช่คู่สัญญา ขอให้ท่านนำรถเข้าไปประเมินราคากับอู่ที่ท่านต้องการจัดซ่อม จากนั้นนำใบหลักฐานความเสียหายและใบเสนอราคา ติดต่อมายังบริษัทฯ เพื่อตกลงราคาก่อนจัดซ่อม และนำรถที่จัดซ่อมเสร็จสิ้นมาตรวจสภาพกับบริษัทฯ และทำการตั้งเบิกกับบริษัทฯ ทั้งนี้ ในบางกรณี ท่านอาจต้องสำรองจ่ายค่าซ่อมไปก่อน

    เอกสารที่ใช้ในการติดต่อบริษัทฯ และระยะเวลาพิจารณาสินไหม

    ในกรณีที่ท่าน ได้ทำการติดต่อบริษัทฯ เพื่อขอรับค่าสินไหมทดแทน จะต้องใช้เอกสารต่างๆ ประกอบการเรียกร้อง และบริษัทฯ จะใช้เวลาในการพิจารณาชดใช้ดังต่อไปนี้

    การเบิกค่าซ่อมรถผู้เอาประกัน

    1. ต้องซ่อมเสร็จก่อนและนำรถมาตรวจสภาพกับบริษัทฯ หรือ ภาพถ่ายรถยนต์ขณะซ่อมและซ่อมแล้วเสร็จ
    2. ต้นฉบับใบเสร็จรับเงินที่มีเลขประจำตัวผู้เสียภาษี และมีชื่อที่อยู่ของอู่จัดซ่อม
    3. กรณีที่ผู้เอาประกันภัยไม่ได้ไปติดต่อด้วยตนเอง ให้ทำหนังสือมอบอำนาจ หากเป็นนิติบุคคลต้องมีหนังสือรับรองประกอบ*
    4. หลักฐานความเสียหายที่บริษัทฯ เป็นผู้ออกให้
    5. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้เอาประกัน พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
    6. สมุดบัญชีเงินฝาก หรือสำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก ที่ระบุชื่อเจ้าของบัญชี เป็นชื่อเดียวกันกับผู้เอาประกันภัย และหมายเลขบัญชีธนาคาร (ถ้ามี)
    7. กรณีที่เอกสารครบถ้วนบริษัทฯ จะพิจารณาค่าสินไหมภายใน 15 วัน หรือหากสามารถตกลง ค่าเสียหายเป็นที่ยุติได้แล้ว บริษัทฯ จะจ่ายเงินภายใน 15 วัน

    การเบิกค่าซ่อมรถผู้เสียหาย

    1. สำเนาทะเบียนรถ หรือ สำเนาสัญญาเช่าซื้อ หรือหลักฐานที่แสดงกรรมสิทธิ์
    2. สำเนากรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ (ถ้ามี)
    3. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครองรถ หรือหลักฐานอื่นที่ทางราชการเป็นผู้ออกที่สามารถแสดงตนเอง พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
    4. กรณีที่ผู้เสียหายไม่ได้ไปติดต่อด้วยตนเอง ให้ทำหนังสือมอบอำนาจ หากเป็นนิติบุคคลต้องมีหนังสือรับรองประกอบ*
    5. หลักฐานความเสียหายที่บริษัทฯ เป็นผู้ออกให้
    6. สมุดบัญชีเงินฝาก หรือสำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก ที่ระบุชื่อเจ้าของบัญชี เป็นชื่อเดียวกันกับผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครองรถ และหมายเลขบัญชีธนาคาร (ถ้ามี)
    7. กรณีที่เอกสารครบถ้วนบริษัทฯ จะพิจารณาค่าสินไหมภายใน 15 วัน หรือหากสามารถตกลง ค่าเสียหายเป็นที่ยุติได้แล้ว บริษัทฯ จะจ่ายเงินภายใน 15 วัน

    การเบิกค่าซ่อม กรณีพิจารณาชดใช้แบบเสียหายสิ้นเชิง หรือ รถยนต์สูญหาย

    1. แบบคำขอโอน และรับโอน (กรมการขนส่งทางบก)
    2. หนังสือมอบอำนาจการโอน
    3. สมุดทะเบียนรถยนต์ พร้อมลงชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ในสมุดจดทะเบียน
    4. กุญแจรถ พร้อมชุดสำรองครบชุด
    5. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้ถือกรรมสิทธิ์ หรือ ผู้มีอำนาจลงนาม กรณีนิติบุคคลเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์
    6. สำเนาทะเบียนบ้านผู้ถือกรรมสิทธิ์ หรือ ผู้มีอำนาจลงนาม กรณีนิติบุคคลเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์
    7. เอกสารการแจ้งอายัด และแจ้งไม่ใช้รถ 
    8. หนังสือรับรองบริษัท พร้อมลงนามรับรองสำเนาโดยกรรมการผู้มีอำนาจพร้อมประทับตรา (กรณีนิติบุคคลเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์)
    9. หนังสือรับรองการขายรถ (กรณีนิติบุคคลเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์)
    10. สัญญาสละสิทธิ์และโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์
    11. สำเนาประจำวัน (ถ้ามี)
    12. กรมธรรม์ต้นฉบับ (ถ้ามี)
    13. กรณีที่เอกสารครบถ้วนบริษัทฯ จะพิจารณาค่าสินไหมภายใน 15 วัน หรือหากสามารถตกลง ค่าเสียหายเป็นที่ยุติได้แล้ว บริษัทฯ จะจ่ายเงินภายใน 15 วัน

    การเบิกค่าสินไหมทดแทน ตามกรมธรรม์ภาคบังคับ

    กรณีบาดเจ็บ

    1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ประสบภัย หรือหลักฐานอื่นที่ทางราชการเป็นผู้ออกที่สามารถแสดงตนเองพร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
    2. ใบเสร็จรับเงินต้นฉบับ หรือใบสรุปหน้างบค่ารักษาพยาบาล

    กรณีเบิกค่าชดเชย (ผู้ป่วยใน)

    1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ประสบภัย หรือหลักฐานอื่นที่ทางราชการเป็นผู้ออกที่สามารถแสดงตนเองพร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
    2. ใบรับรองแพทย์ หนังสือรับรองการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน

    กรณีทุพพลภาพ

    1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ประสบภัย หรือหลักฐานอื่นที่ทางราชการเป็นผู้ออกที่สามารถแสดงตนเองพร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
    2. ใบรับรองแพทย์และหนังสือรับรองความพิการ
    3. สำเนาบันทึกประจำวันของพนักงานสอบสวน หรือหลักฐานอื่นที่แสดงว่าผู้นั้นได้รับความเสียหายจากการประสบภัยจากรถ

    กรณีเสียชีวิต

    1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ประสบภัย หรือหลักฐานอื่นที่ทางราชการเป็นผู้ออกที่สามารถแสดงตนเองพร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
    2. ใบมรณบัตร
    3. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของทายาทตามกฎหมาย และสำเนาทะเบียนบ้าน
    4. สำเนาบันทึกประจำวันของพนักงานสอบสวน หรือหลักฐานอื่นที่แสดงว่าผู้นั้นถึงแก่ความตายจากการประสบภัยจากรถ
      กรณีที่เอกสารครบถ้วน บริษัทฯ จะจ่ายเงินภายใน 7 วัน

    การเบิกค่าสินไหมทดแทน ตามกรมธรรม์ภาคสมัครใจ

    กรณีบาดเจ็บ

    1. ต้นฉบับใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล
    2. ใบรับรองแพทย์
    3. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ผู้บาดเจ็บ หรือหลักฐานอื่นที่ทางราชการเป็นผู้ออกที่สามารถแสดงตนเองพร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
    4. ข้อมูลของผู้เสียชีวิต เช่น อาชีพ รายได้ ฯลฯ กรณีเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนอื่นๆ นอกเหนือจากค่ารักษาพยาบาล
    5. กรณีผู้บาดเจ็บไม่สามารถเข้ามาติดต่อบริษัทฯ ด้วยตนเองได้ โปรดทำหนังสือมอบอำนาจ* เพื่อให้ผู้อื่นดำเนินการแทน

    กรณีเสียชีวิต

    1. สำเนามรณบัตร (หลักฐานแสดงเหตุการณ์เสียชีวิต)
    2. เอกสารแสดงฐานะทายาทตามกฎหมาย
    3. ข้อมูลของผู้เสียชีวิต เช่น อาชีพ รายได้ ฯลฯ
    4. โปรดจัดทำหนังสือมอบอำนาจจากผู้เสียหายรายอื่นๆ กรณีที่มีทายาทตามกฎหมายมากกว่า 1 คน
      กรณีที่เอกสารครบถ้วน และสามารถตกลงค่าเสียหายเป็นที่ยุติได้แล้ว บริษัทฯ จะจ่ายเงินภายใน 15 วัน

    *หมายเหตุ: หนังสือมอบอำนาจที่ครบถ้วน ถูกต้อง

    1. หากเป็นนิติบุคคลให้แนบหนังสือรับรองบริษัทฯ ลงนามรับรองสำเนาโดยกรรมการผู้มีอำนาจพร้อมประทับตรา
    2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจ พร้อมลงลายมือชื่อรับรองสำเนา
    3. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอบอำนาจ พร้อมลงลายมือชื่อรับรองสำเนา
    4. ระบุความประสงค์ในหนังสือมอบอำนาจให้ชัดเจน
    5. อากรแสตมป์ 10 บาท สำหรับมอบอำนาจให้ดำเนินเพียง 1 อย่าง และ อากรแสตมป์ 30 บาท สำหรับมอบอำนาจให้ดำเนินมากกว่า 1 อย่าง

    ข้อมูลอื่นที่น่าสนใจ

    อู่ i-Sure

    อู่มาตรฐาน i-Sure คือ อู่ซ่อมรถยนต์คู่สัญญา ของ บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน) ที่ผ่านการคัดกรอง มีบริการงานซ่อมที่ได้ตามมาตรฐานของสมาคมอู่กลางประกันภัย และ/หรือผ่านหลักเกณฑ์ที่กรุงไทยพานิชประกันภัยกำหนด เพื่อเป็นการยกระดับการบริการ ให้ลูกค้าผู้เอาประกันภัยรถยนต์มั่นใจว่าจะได้รับงานซ่อมที่ดีมีคุณภาพ สะดวก รวดเร็ว และต้องมีมาตรฐานการให้บริการเท่าเทียมกันทั่วประเทศ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าผู้เอาประกันภัยอย่างสูงสุด

    อู่มาตรฐาน i-Sure

    • รับรถเข้าซ่อมได้ทันที
    • อู่ สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐานตามเกณฑ์ อู่ i-Sure*
    • บริหารจัดการงานซ่อมด้วยระบบ EMCS**
    • การันตีงานซ่อมด้วยอะไหล่และสีที่มีคุณภาพ
    • ใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์การซ่อมที่ทันสมัย
    • ใช้สีแห้งช้า 2K เต็มระบบ รับประกันงานซ่อมสีอย่างน้อย 1 ปี
    • ช่างซ่อมฝีมือดี มากด้วยประสบการณ์
    • งานซ่อมได้ตามมาตรฐานของสมาคมอู่กลางประกันภัย***
    • ตรวจสอบคุณภาพงานซ่อม ก่อนส่งมอบ
    • ทำความสะอาดรถยนต์ ก่อนส่งมอบ
    • ส่งมอบรถยนต์ตามเวลานัดหมาย
    •  พนักงานสุภาพ ใส่ใจบริการ
    • บริการรถรับ-ส่ง เพื่อนำรถเข้าซ่อม****

    หมายเหตุ

    * ได้มาตรฐานตามเกณฑ์ อู่ i-Sure หมายถึง อู่ที่ผ่านการตรวจสอบว่าได้มาตรฐานตามเกณฑ์ของสมาคมอู่กลางประกันภัย และมาตรฐานของ บมจ. กรุงไทยพานิชประกันภัย
    ** ระบบ EMCS หมายถึง การจัดซื้ออะไหล่และอุปกรณ์ ผ่านระบบ Online ซึ่งทำให้เกิดความถูกต้องรวดเร็ว เป็นธรรมต่อลูกค้าและอู่ซ่อม

    วิธีปฏิบัติในการนำรถเข้าซ่อม

    การนำรถเข้าซ่อม สามารถแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ มีใบรับรองความเสียหาย (ใบเคลม) และ ไม่มีใบรับรองความเสียหาย

    กรณีมีใบรับรองความเสียหาย (ตรวจสอบความเสียหายรถโดยพนักงานบริษัทฯ แล้ว) มีขั้นตอนวิธีปฏิบัติดังนี้

    1. เมื่อต้องการนำรถเข้าจัดซ่อมที่อู่คู่สัญญา i-Sure ให้นำรถเข้าจัดซ่อมได้เลย (สามารถตรวจสอบรายชื่ออู่ i-Sure ได้จากข้อมูลอู่คู่สัญญา i-Sure ที่อยู่บนเว็บไซต์ของบริษัท) เอกสารที่ต้องใช้ประกอบในการติดต่อ ได้แก่
           - ใบรับรองความเสียหาย
           - สำเนาทะเบียนรถ (อาจจำเป็นในการจัดอะไหล่ให้ตรงกับรุ่นรถ)
           - สำเนากรมธรรม์ประกันภัย (สำหรับรถคู่กรณี เพื่อตรวจสอบการประกันภัย)
    2. เมื่อต้องการนำรถจัดซ่อมเอง (จัดซ่อมกับอู่ที่ไม่ใช่อู่คู่สัญญา i-Sure) ให้นำรถและใบรับรองความเสียหายติดต่อกับบริษัทฯ เพื่อประเมินราคาค่าซ่อมก่อนดำเนินการซ่อม
        • หากอู่ซ่อมนั้นเป็นอู่ที่รับวางบิลกับบริษัทฯ เอกสารที่ท่านต้องนำไปให้อู่เพื่อให้อู่เบิกเงินกับบริษัทฯ โดยตรงได้แก่
          - ใบรับรองความเสียหาย
          - สำเนากรมธรรม์ประกันภัย (สำหรับรถคู่กรณี เพื่อตรวจสอบการประกันภัย)
        • หากอู่ซ่อมนั้นเป็นอู่ที่ไม่รับวางบิลกับบริษัทฯ ให้ท่านสำรองจ่ายค่าซ่อมนั้นไปก่อน แล้วนำเอกสารมาตั้งเบิกกับบริษัทฯ ภายหลัง เอกสารที่ต้องใช้ประกอบในการตั้งเบิกกับบริษัทฯ ได้แก่
          - ใบรับรองความเสียหาย
          - ต้นฉบับใบเสร็จรับเงินที่มีเลขประจำตัวผู้เสียภาษี และมีชื่อที่อยู่ของอู่ที่จัดซ่อม
          - นำรถมาตรวจสอบหลังจากซ่อมเสร็จ หรือภาพถ่ายรถขณะซ่อมและซ่อมแล้วเสร็จ
          - สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้เอาประกันภัย พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
          - สมุดบัญชีเงินฝาก หรือสำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก ที่ระบุชื่อเจ้าของบัญชีเป็นชื่อเดียวกันกับผู้เอาประกันภัยและเลขบัญชีธนาคาร
    3. เมื่อต้องการนำรถจัดซ่อมที่ศูนย์บริการ (ซ่อมห้าง)
        • หากเป็นศูนย์บริการ/ห้าง ที่รับวางบิลกับบริษัทฯ ให้ท่านนำใบรับรองความเสียหายมอบให้กับศูนย์บริการ/ห้าง เพื่อให้ศูนย์บริการ/ห้าง ตั้งเบิกแทนท่าน
        • หากเป็นศูนย์บริการ/ห้าง ที่ไม่รับวางบิลกับบริษัทฯ ให้ท่านสำรองจ่ายค่าซ่อมนั้นไปก่อน แล้วนำเอกสารมาตั้งเบิกกับบริษัทฯ ภายหลัง เอกสารที่ต้องใช้ประกอบในการตั้งเบิกกับบริษัทฯ ได้แก
          - ใบรับรองความเสียหาย
          - ต้นฉบับใบเสร็จรับเงินที่มีเลขประจำตัวผู้เสียภาษี และมีชื่อที่อยู่ของอู่ที่จัดซ่อม
          - นำรถมาตรวจสอบหลังจากซ่อมเสร็จ หรือภาพถ่ายรถขณะซ่อมและซ่อมแล้วเสร็จ

    กรณีไม่มีใบรับรองความเสียหาย (ยังมิได้ตรวจสอบความเสียหายโดยพนักงาน)

    1. เมื่อต้องการนำรถเข้าจัดซ่อมที่อู่คู่สัญญา i-Sure ท่านสามารถนำรถไปติดต่อเคลมรถได้โดยวิธีการใดวิธีการหนึ่งดังต่อไปนี้
        • นำรถไปติดต่อเคลมที่บริษัทฯ พร้อมใบอนุญาตขับขี่เพื่อให้พนักงานบริษัทฯ ตรวจสอบความเสียหาย และออกใบรับรองความเสียหายให้ หลังจากนั้นให้นำรถเข้าซ่อมที่อู่คู่สัญญา i-Sure เอกสารที่ต้องใช้ประกอบในการติดต่ออู่ ได้แก่
          - ใบรับรองความเสียหาย
          - สำเนาทะเบียนรถ (อาจจำเป็นในการจัดอะไหล่ให้ตรงกับรุ่นรถ)
          - สำเนากรมธรรม์ประกันภัย (สำหรับรถคู่กรณี เพื่อตรวจสอบการประกันภัย)
        • นำรถไปติดต่อเปิดเคลม และจัดซ่อมที่อู่โดยต้องได้รับการอนุมัติราคาประเมินการซ่อมที่อู่แจ้งก่อนการจัดซ่อมจากบริษัทฯ ก่อน
          - เลขเคลม (ขอได้จากการโทรแจ้งอุบัติเหตุ)
          - ใบอนุญาตขับขี่
          - ใบยอมรับผิดจากบริษัทประกันคู่กรณี (ถ้ามี)
          - สำเนาบันทึกประจำวัน (ถ้ามี)
    2. เมื่อต้องการนำรถจัดซ่อมเอง (จัดซ่อมกับอู่ที่ไม่ใช่อู่คู่สัญญา i-Sure) ให้นำรถไปติดต่อเคลมที่บริษัทฯ พร้อมใบอนุญาตขับขี่ เพื่อให้พนักงานบริษัทฯ ตรวจสอบความเสียหาย และออกใบรับรองความเสียหายและประเมินราคาค่าซ่อม
        • หากอู่ซ่อมนั้นเป็นอู่ที่รับวางบิลกับบริษัทฯ เอกสารที่ท่านต้องนำไปให้อู่เพื่อให้อู่เบิกเงินกับบริษัทฯ โดยตรงได้แก่
          - ใบรับรองความเสียหาย
          - สำเนากรมธรรม์ประกันภัย (สำหรับรถคู่กรณี เพื่อตรวจสอบการประกันภัย)
        • หากอู่ซ่อมนั้นเป็นอู่ที่ไม่รับวางบิลกับบริษัทฯ ให้ท่านสำรองจ่ายค่าซ่อมนั้นไปก่อน แล้วนำเอกสารมาตั้งเบิกกับบริษัทฯ ภายหลัง เอกสารที่ต้องใช้ประกอบในการตั้งเบิกกับบริษัทฯ ได้แก่
          - ใบรับรองความเสียหาย
          - ต้นฉบับใบเสร็จรับเงินที่มีเลขประจำตัวผู้เสียภาษี และมีชื่อที่อยู่ของอู่จัดซ่อม
          - นำรถมาตรวจสอบหลังจากซ่อมเสร็จ หรือภาพถ่ายรถขณะซ่อมและซ่อมแล้วเสร็จ
    3. เมื่อต้องการนำรถเข้าซ่อมที่ศูนย์บริการ/ห้าง ให้ท่านนำรถไปติดต่อเคลมที่บริษัทฯ พร้อมใบอนุญาตขับขี่ เพื่อให้พนักงานบริษัทฯ ตรวจสอบความเสียหาย และออกใบรับรองความเสียหาย
        • หากเป็นศูนย์บริการ/ห้าง ที่รับวางบิลกับบริษัทฯ ให้ท่านนำใบรับรองความเสียหายมอบให้กับศูนย์บริการ/ห้าง เพื่อให้ศูนย์บริการ/ห้าง ตั้งเบิกแทนท่าน
        • หากเป็นศูนย์บริการ/ห้าง ที่ไม่รับวางบิลกับบริษัทฯ ให้ท่านสำรองจ่ายค่าซ่อมนั้นไปก่อน แล้วนำเอกสารตั้งเบิกกับบริษัทฯ ภายหลัง เอกสารที่ต้องใช้ประกอบในการตั้งเบิกกับบริษัทฯ ได้แก่
          - ใบรับรองความเสียหาย
          - ต้นฉบับใบเสร็จรับเงินที่มีเลขประจำตัวผู้เสียภาษี และมีชื่อที่อยู่ของอู่จัดซ่อม
          - นำรถมาตรวจสอบหลังจากซ่อมเสร็จ หรือภาพถ่ายรถขณะซ่อมและซ่อมแล้วเสร็จ

    ค่าเสียหายส่วนแรก (Excess / Deductible)

    Excess (ค่าเสียหายส่วนแรกตามการเลือกรับ)
    คือค่าเสียหายส่วนแรกที่ระบุไว้สำหรับทุกกรมธรรม์ และเป็นข้อบังคับที่กำหนดไว้ว่า เป็นส่วนของค่าเสียหายที่ผู้ใช้รถหรือผู้ถือกรรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ที่ประสบเหตุ ต้องรับผิดชอบร่วมกับบริษัทประกันภัยเป็นจำนวนเงิน 1,000 บาทต่อเหตุการณ์ หากมีการขอทำเคลมตามเงื่อนไขที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2552 โดยขอเคลมตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ดังนี้

    1. เคลมกรณีรถที่มีความเสียหายที่ไม่บุบ แตก ร้าว     
    2. เคลมที่ระบุสาเหตุที่ทำให้รถเสียหายไม่ได้ รวมถึงระบุวัน เวลา สถานที่เกิดเหตุที่ทำให้รถเกิดความเสียหายไม่ได้
    3. เคลมจากการชนแต่เราไม่สามารถแจ้งข้อมูลคู่กรณีได้ การคิดค่าส่วนแรกตามเงื่อนไขนี้ จะคิดตามเหตุการณ์ หากในการเกิดเหตุครั้งหนึ่ง มีความเสียหายต่อรถยนต์มากกว่า 1 ชิ้น ค่าเสียหายส่วนแรกที่ต้องจ่าย คือ 1,000 บาท เท่านั้น

    Deductible (ค่าเสียหายส่วนแรกแบบตามเงื่อนไข)
    ค่าเสียหายส่วนแรกที่ระบุไว้ในกรมธรรม์โดยความสมัครใจของผู้เอาประกันภัยรถยนต์ ถือเป็นความยินยอมที่จะรับผิดชอบต่อความเสียหายอันเกิดจากความประมาทของผู้ใช้รถหรือผู้ถือกรมธรรม์ร่วมกับบริษัทประกันภัย ซึ่งจะทำให้ผู้เอาประกันภัยรถยนต์จ่ายค่าเบี้ยประกันภัยได้ถูกลง โดยขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เอาประกันภัยรถยนต์ที่สามารถเลือกได้ว่าจะเลือกรับความเสียหายส่วนแรกครั้งละเท่าไร

    ค่าเสียหายส่วนแรกในกรณีนี้ จะเกิดขึ้นในกรณีทำผิดสัญญาของผู้เอาประกันภัย กล่าวคือละเมิดข้อตกลงที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ การเกิดเหตุขึ้นโดยไม่มีคู่กรณี กรณีมีการเคลมประกันรถยนต์ที่เข้าเงื่อนไขความรับผิด (ผู้เอาประกันภัยรถยนต์เป็นฝ่ายผิด) แต่หากผู้เอาประกันภัยรถยนต์ ทำประกันรถยนต์แบบไม่เลือกรับความเสียหายส่วนแรกนี้ เวลาที่เกิดเหตุก็จะไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนนี้
    *** สมาคมอู่กลางประกันภัย หมายถึง องค์กรที่มีอู่ซ่อมรถยนต์เป็นสมาชิกและมีนโยบายส่งเสริมให้อู่สมาชิกต้องรับผิดชอบต่อลูกค้าในการ ให้บริการงานซ่อมที่ได้มาตรฐานตามเกณฑ์ที่สมาคมฯ กำหนด
    **** บริการรถรับ-ส่ง เพื่อนำรถเข้าซ่อม หมายถึง บริการที่เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า กรณีที่ลูกค้าไม่สะดวกนำรถเข้าซ่อมหรือมารับรถด้วย ตนเองโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในรัศมีที่อู่สามารถให้บริการได้